วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

วันนี้เราจะมาเสนอโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาที่เราจะมานำเสนอเป็นภาษาใหม่นั้นก็คือภาษา swift
แต่เราจะมาดูกันก่อนว่านอกจากswiftแล้วมีอย่างอื่นอีกมัย

1.Java
Java (จาวา) เป็นหนึ่งในภาษาอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมในการสร้า Backend สำหรับเว็บแอพฯที่ต้องการความทันสมัยในการแสดงผล ด้วย Java และ Frameworks ที่มีให้ใช้ นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บที่ปรับขนาดการแสดงผลให้เหมาะสมกับผู้ใช้ได้ทุกรูปแบบการเข้าชม ปัจจุบัน Java มักใช้พัฒนาแอพฯแอนดรอยส์สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต

2.JavaScript
ปัจจุบันเกือบทุกเว็บไซต์มีการใช้งาน JavaScript หากเราต้องการสร้างเว็บที่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานได้ มี User interfaces ที่สวยงาม JavaScript frameworks คือ สิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
  


3. C#
C# เป็นภาษาหลักในการพัฒนาโปรแกรมบนระบปฏิบัติการของ Microsoft เมื่อเราสร้างสร้างเว็บแอพพลิเคชั่น ด้วย Arure และ .NET สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ C# เป็นภาษาที่รวดเร็วที่สุดในการเขียนโปรแกรมควบคุมทรัพยากรที่ไมโครซอฟท์มีให้ใช้ หรือแม้แต่ภาษาเกมคอมพิวเตอร์ยอดนิยมอย่าง Unity Engine ก็ใช้ C# เป็นภาษาหลักในการทำงานด้วยเช่นกัน

4. PHP
ถ้าต้องการสร้างเว็บที่มีการใช้งานฐานข้อมูล PHP เป็นภาษาที่ทำงานร่วมกับ MySQL ในปัจจุบัน PHP เป็นภาษาที่นิยมอย่างมากในเว็บที่มีการจัดเก็บข้อมูลเนื้อหาบนเว็บไซต์ ตัวอย่างเว็บยอดนิยมประเภทนี้ก็อย่างเช่น WordPress นั่นเอง


5. C++
ภาษา C++ ต่อยอดมาจากภาษา C ออกแบบให้ทำงานง่ายขึ้นมีความเป็น Object มากกว่าเดิม จุดเด่น คือ การทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ การเขียนโปรแกรมจำพวกจัดการหน่วยความจำ หรือเร่งประสิทธิภาพกราฟฟิค ต้องใช้ C++ ในการเขียน


6. Python
Python เป็นภาษาที่สามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ เว็บแอพพลิเคชั่น, User interfaces, Data analysis, Statistics และหากมีปัญหาอะไรก็ตาม มันมี Framework สำหรับแก้ไขปัญหาให้ใช้มากมาย Python นิยมใช้ในงานด้านวิทยาศาสตร์หรืออตสาหกรรมที่มีปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่มาก

7. C
แม้ว่าจะเก่าแก่แล้ว แต่ภาษา C ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย เนื่องจากใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย ทำงานได้รวดเร็ว และความสามารถครบถ้วน ถ้าต้องการเขียนซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกับไฟล์ระดับ Kernels หรือเขียนโปรแกรมที่รีดทรัพยากรออกมาได้ทุกหยดแล้วล่ะก็ต้อง ภาษา C เท่านั้น


8. SQL
ข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน SQL มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการได้อย่างรวดเร็ว สามารถค้นข้อมูลซ้ำๆ ได้อย่างแม่นยำ ด้วย SQL การระบุตำแหน่งของข้อมูลที่ต้องการในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องยาก


9. RUBY
ถ้าต้องการสร้างโปรเจคส์ภายในเวลาจำกัด หรือสร้างตัวโปรแกรมเวอร์ชั่นทดสอบออกมาลองใช้งาน Ruby เป็นภาษาที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้ เนื่องจากใช้งานง่าย และไม่ซับซ้อน แต่ไม่ใช่ว่างานใหญ่จะใช้ RUBY ไม่ได้นะ Twitter เว็บนี้ก็เขียนด้วย RUBY นะเอ้อ แต่ด้านความเร็ว PYTHON ทำงานรวดเร็วกกว่า แต่แลกมาด้วยความซับซ้อนในการเขียนที่ยากกว่า

10. Objective-C
ถ้าสนใจที่จะเขียนแอพฯ iOS คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษานี้ แม้ว่าปลายปีที่แล้วทาง Apple จะเปิดตัวภาษาใหม่ "Swift" แต่ Objective-C ก็ยังไมีการใช้งานกันอยู่อย่างแพร่หลาย โดยทำงานร่วมกับ XCode ชุดพัฒนาซอฟท์แวร์ของ Apple ปัจจุบันตลาดแอพฯเป็นที่สนใจของผู้ลงทุน ดังนั้นใครเขียนเป็นหางานไม่ยากแน่นอน
11. Perl
เป็นภาษาที่ทรงพลังและอยู่คู่กับเว็บไซต์มาตั้งแต่จุดเริ่มต้น และเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที มีความปลอดภัยในการทำงานสูง

12. .NET
ตัวมันเองไม่ใช่ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรม แต่ก็เป็นกุญแจสำคัญจากไมโครซอฟท์สำหรับทำงานกับ Cloud, Service และ การพัฒนาแอพ และด้วยความที่มันเป็น Open-Source มันกำลังเข้ามามีบทบาทบนแพลตฟอร์มของ Googel และ Apple ทำให้ตัว .NET จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างแอพที่รองรับหลายแพลตฟอร์ม

13. Visual Basic
ภาษาสำคัญที่ประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจ เป็นหนึ่งในภาษาหลักของ .NET สามารถสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมารองรับภาคธุรกิจ และสร้างเอกสารอัตโนมัติอย่าง Excel ได้อัตโนมัติ ทำให้งานต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

14. R
R เป็นภาษาที่ทรงพลังและปฏิวัติข้อมูลครั้งใหญ่ เป็นภาษาที่นักพัฒนาจำเป็นต้องรู้จักในปี 2015 หากต้องการทำ Data analysis ทั้งจากด้านวิทยาศาสตร์, ธุรกิจ, บันเทิง และ Social Media 



และภาษาสุดท้ายที่เราจะนำมาเสนอนั้นก็คือ ภาษา swift

Swift คือภาษาใหม่ที่สร้างขึ้นโดย Apple เพื่อใช้พัฒนาแอพฯลง iOS และ OS X ซึ่งในนาทีที่เค้าเปิดตัว Swift โลกต่างมึนงงและตื่นเต้น จนทำเอาเว็บของ Swift Lang ก็ล่มลงไปในทันที ซึ่งต้องบอกตรงนี้ว่ามันคนละภาษากันเลยโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องไปสนใจเว็บนั้น ถ้าอยากจะลองต้องโหลด Xcode 6 beta มาเท่านั้นครับ เป็นทางเดียว

Objective-C ถือว่าเป็นภาษาที่เก่าพอสมควร เรียกว่าโบราณก็ว่าได้ มีโครงสร้างอะไรที่ซับซ้อนมากจนถึงซับซ้อนมากเกินไป ถึงคนเก่าๆจะชอบไปแล้ว แต่สำหรับนักพัฒนาใหม่ๆ การจะเริ่ม Objective-C มันก็เป็นสิ่งที่แสนทรมานอยู่ดี มันซับซ้อนเกินพอดีไปหน่อย สร้าง Learning Curve ที่สูงเกินจำเป็น แถมยังขาดสิ่งที่ภาษาโปรแกรมมิ่งสมัยใหม่มีเยอะแยะมากมาย (ส่วนตัวก็เขียนไปหงุดหงิดไป เขียนมากี่ปีก็ยังหงุดหงิดอยู่อย่างงั้น อารมณ์เดียวกับหงุดหงิด C# บน Windows Phone เดี๊ยะ) ซึ่งพวกนี้พอยอมรับได้เมื่อ 6 ปีที่แล้วอยู่นะ เพราะระบบมันยังไม่ดีเท่าไหร่ พวก ARC ก็ยังไม่มี ก็เลยต้องเขียนดิบๆหน่อย แต่นาทีนี้​ โลกมันไปไหนแล้ว ก็ต้องตามโลกให้ทันแหละนะ
Swift จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นภาษาที่ใช้ทดแทน Objective-C นั่นเอง โดยมีแนวคิดว่าเป็นภาษาที่ง่าย จึงถูกออกแบบมาเป็นภาษาสคริปต์ ที่หน้าตาคุ้นๆ แต่สุดท้ายมันคืออะไรหลายๆอย่างผสมเข้าด้วยกัน จนต้องบอกว่ามันเป็นภาษาใหม่จริงๆแหละแต่ถึงจะเป็นภาษาสคริปต์ แต่มันก็ไม่ได้รันแบบสคริปต์ หากแต่มันถูกคอมไพล์เป็น Binary เพื่อเอาไปรันจริงๆบน Runtime เดียวกับ Objective-Cอย่างที่เห็นมันเรียกใช้ Cocoa และ Cocoa Touch ได้ (a.k.a. เขียนโปรแกรมพร้อม UI บน iOS และ OS X ได้) และโค้ดจะถูกคอมไพล์ด้วย LLVM (Low Level Virtual Machine) ใช้ Runtime ตัวเดียวกับ Objective-C และยังสนับสนุน ARC (Automatic Reference Counting) ซึ่งจะช่วยเรื่อง Memory Leak อีกด้วยในแง่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้แย่ลง ตรงกันข้าม มันกลับดีขึ้น

Swift เป็นภาษาที่ออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงและง่ายต่อการพัฒนาโดยนำข้อดีของภาษาสมัยใหม่เข้ามามากมาย เช่น Type Inference, Clean Syntax, No semicolons, Closures, Generics ซึ่งคุณสมบติที่กล่าวมาบางอย่างก็มีอยู่แล้วในภาษา Objective-C แต่ใน Swift นั้นจะน่าคบหามากขึ้น ภาษา Swift ยังถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยในการเขียนโปรแกรมมากขึ้น ทั้งนี้ไม่ใช่การเขียนโปรแกรมขณะขับรถแล้วจะไม่เกิดอุบัติเหตุบนถนนนะครับ แต่เป็นความปลอดภัยในเชิงของการพัฒนา ทำให้ลดข้อผิดพลาดของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
  • ไม่อนุญาติให้มีตัวแปรที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่าในโปรแกรม
  • ไม่ต้องเขียนสัญลักษณ์ * (Asterisk) ขณะประกาศตัวแปร Pointer
  • ตรวจสอบการใช้งานค่าต่ำสุดและสูงสุดของตัวเลขจำนวนเต็ม
  • จะต้องเขียนวงเล็บปีกกาครอบส่วนของโปรแกรมที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขใดๆ

ขอบคุณเนื้อหาจากเว็ป:http://www.macthai.com/2014/06/07/intruduction-to-swift-programming-language-from-apple/









วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

social network กับนักเรียนและสังคมไทย

                   Social Network เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสังคมไทยอย่างไรบ้าง



ในปัจจุบัน เด็กรุ่นใหม่คงไม่มีใครไม่รู้จัก Facebook, Twitter หรือถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ Hi5 เพราะกระแส Social Network ในสังคมโลกกลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในกระแสเลือดของกลุ่มคนที่มีอายุ 10 กว่าจนถึง 40 ปีไปแล้ว ดังนั้นในบทความนี้ผมจะไม่ขออธิบายว่า Facebook หรือ Twitter คืออะไร เพราะคิดว่าหลายคนอาจะรู้จักสื่อเหล่านี้มากกว่าผมด้วยซ้ำ แต่หากจะแสดงความคิดเห็น ทัศนะคติ และ วิเคราะห์ต่อว่า เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากสื่อเหล่านี้ได้อย่างไรให้มีประโยชน์ต่อสังคมไทยสูงสุด


ธุรกิจ
จากการที่ผมไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติม รู้หรือไม่ว่า ทั่วทั้งโลกมีคนใช้ Facebook จำนวน 400 ล้านกว่าคน ซึ่งถ้าเปรียบเป็นประเทศประเทศนึงแล้ว ถือว่า Facebook เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก หลายคนใช้เวลากับ Facebook มากมาย หลายคนถึงขั้นเสพติด หลายคนถ้าไม่ได้เข้าวันไหนจะเข้าขั้นลงแดง หงุดหงิดเลยทีเดียว เมื่อมีสมาชิกมากและเป็นที่นิยมมากขนาดนี้ก็เป็นที่สังเกตุได้ว่า "สินค้าหลากหลายชนิดกระโดดมาใช้สังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือ" นั่นเพราะจำนวนสมาชิกที่มากมายอาจจะทำให้สินค้านั้นเป็นที่รู้จัก (ในกลุ่มเป้าหมาย) มากกว่าการลงโฆษณาผ่านสื่ออื่น และให้ผลตอบรับที่ดีกว่าโดยไม่ต้องเสียเงินซักบาทเลยด้วยซ้ำ เพราะอะไรล่ะ ทำไมถึงให้ผลตอบรับที่ดีกว่า นั่นเพราะ Social Network ได้ส่งผลอย่างมากต่อกลุ่มคนซึ่งเป็นผู้บริโภคครับ แล้ว Social Network ส่งผลอย่างไรต่อผู้บริโภคมั่งล่ะ คงจะปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยครับว่า หากท่านจะซื้อโทรศัพท์มือถือหรือสินค้าใดสักชิ้น โดยรับสารเพียงแค่โฆษณาจากเจ้าของผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว ท่านคงจะไม่สบายใจหรือยังไม่มั่นใจในการตัดสินใจซื้อสิ้นค้านั้น เพราะท่านไม่เชื่อเจ้าของสินค้าครับ ท่านเชื่อเพื่อน ตรงจุดนี้ Social Network หรือแม้แต่ Discussion Forums เช่น Pantip.com หรือการทำ Fansite ผ่าน Facebook ก็กลายมาเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าซักตัวหรือแม้กระทั่งการโปรโมตสินค้า หรือดาราคนโปรด หากกระแสของสินค้าตัวนั้นผ่านทาง Social Network ออกมาไม่ดี ท่านก็อาจจะเปลี่ยนใจทันทีโดยที่ยังไม่ได้ฟังคำโฆษณาของเจ้าของผลิตภัณฑ์เลยด้วยซ้ำ นั่นเพราะ "กลยุทธ์ปากต่อปาก" ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติตัวหนึ่งของ Social Network นั่นเองครับ

การศึกษา
เรื่องต่อมาที่ผมอยากจะนำเสนอคือเรื่อง การใช้ประโยชน์จาก Social Network กับระบบการศึกษาไทยครับ มีความจริงอยู่เรื่องนึงที่เป็นปัญหากับระบอบการศึกษาไทยมาเป็นเวลาช้านาน (เป็น Thailand Only อย่างนึง) แล้วก็คือ เด็กไทยไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น (แต่กล้าทวีต) ถ้าเป็นอย่างนั้นส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะมีการทดลองนำเอา Twitter มาประยุกต์กับระบบการศึกษาของไทยคงจะดีไม่น้อยใช่มั้ยครับ หรือการใช้ Social Network เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กไทย ยกตัวอย่างเช่นมีรุ่นน้องของผมคนนึงพยายามสร้างสังคมออนไลน์ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมระบบการศึกษาไทย ส่งเสริมให้เด็กไทยเขียนบทความกันมากขึ้น หรือมีการรวมกลุ่มเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ผ่านทาง Social Network (http://do.in.th/) นี้ ซึ่งเป็นไอเดียที่แจ่มแมวและเป็นที่น่ายินดีของประเทศไทยที่มีเด็กที่มีความสามารถและเสียสละเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาหรือแม้แต่สังคมไทยต่อไป ขอปรบมือให้ครับ

ศาสนาและวัฒนธรรม
ปัจจุบันคนไทยเข้าวัดกันน้อยลงมาก แต่ก็ยังดีที่มีการใช้ Social Media มาช่วยจึงทำให้ศาสนาไม่หายสาปสูญไปเร็วนัก ยกตัวอย่างเช่น มีการใช้ Facebook เพื่อเผยแพร่บทความหรือคำพูดที่ให้ข้อคิดจาก ท่าน ว.วชิระเมธี หรือถ้านำไปคิดต่อ ในอนาคตเราอาจจะใช้ Social Network ในการเผยแพร่คำสอน ตอบคำถามทางศาสนา หรือ ส่งเสริมให้คนไทยทำดีผ่านทาง Social Network แต่ไม่ได้หมายความว่าให้พระมาเล่น Facebook นะครับ (อย่างงั้นผมคงโดนประณามแย่) ผมหมายถึงให้กลุ่มคนที่ตั้งใจจะรักษาศาสนาหรือวัฒนธรรมออกมาสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ในแง่ศาสนา เช่น เอาคำสอนมาแปลหรือส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วมกันเพื่อเป็นการผลักดันให้สังคมไทยในยุค Post Modern ใกล้ชิดกับศาสนาและวัฒนธรรมอันดีมากยิ่งขึ้นครับ

สังคม
ถ้าท่านจะสร้างกระแสสังคมสักเรื่อง Social Network ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการดำเนินงาน อย่างที่เราเคยเห็นเป็นตัวอย่างมามากมายในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น การรวมกลุ่มเสื้อหลากสี (ไม่อยากเอาเรื่องนี้มาพูดเท่าไหร่เลย ฮ่าฮ่า) หรือ การรวมกลุ่มเรารักในหลวงที่เป็นที่โด่งดังมาแล้ว ดังนั้นจะเป็นการดีมากถ้าสังคมไทยจะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นโดยใช้เครื่องมือที่ทรงพลังนี้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่สำคัญ ผมจะลองยกตัวอย่างให้ฟัง สมมุติว่าผมอย่างจะสร้างโครงการปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณ 15-25 ปี ท่านคิดว่าระหว่างการใช้ Social Network หรือการลงผ่านสื่อหนังสือทั่วไปจะได้ผลมากกว่ากัน แค่นี้ก็สามารถเป็นคำตอบได้แล้วครับว่า Social Network มีผลกระทบต่อสังคมไทยมากขนาดไหน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:http://holycamp.blogspot.com/2010/04/social-network.html



วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ (1)

อับราฮัม ลินคอล์น ( Abraham Lincoln )


ประวัติ อับราฮัม ลินคอล์น ( Abraham Lincoln )

อับราฮัม ลินคอล์น 
เป็นประธานประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เกิดวันที่ 12 กุมภาพันธ์ค.ศ. 1809 เป็นบุตรของ โทมัส ลินคอล์นและแนนซี่ แฮงค์ เขาได้ชื่อว่าเป็นบุคคลสำคัญอีกคนนึงในประวัติศาสตร์ของอเมริกาเลยทีเดียว



โดยงานที่เขาทำในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้น มีมากมายก่อนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นั้นเขาเป็น
 เป็นทนายความ  เป็นผู้นำพรรควิก   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาเขาได้เป็นตัวแทนพรรค
 รีพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1861 โดยได้เสียงสนับสนุนจากทาง
 เหนือของประเทศซะส่วนใหญ่ เขามีนโยบายในการเลิกทาสส่งผลต่อชาวทางใต้ ทำให้ทางใต้นั้น
 แยกตัวและก่อตั้งสมาพันธรัฐ เกิดเป็นสงครามกลางเมืองรัฐทาสทางใต้สิบเอ็ดรัฐประกาศแยกตัวออกจากสหรัฐอเมริกา และจัดตั้งเป็นสมาพันธรัฐอเมริกาส่วนอีกยี่สิบห้ารัฐสนับสนุนรัฐบาลกลาง ("สหภาพ") หลังสงครามนานสี่ปีฝ่ายสมาพันธรัฐยอมจำนนและมีการเลิกทาสทั่วประเทศสงครามเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1861 และจบลงในวันที่9 เมษายน ค.ศ. 1865 ก่อนหน้า อับราฮัม ลินคอล์น โดนลอยสังหารไม่ถึง 1 อาทิตย์

อับราฮัม ลินคอล์น นั้นมีส่วนทำให้มีการเลิกทาสสิทธิความเท่าเทียมการปรองดอง และ การกอบกู้ฟื้นฟูและการรวมประเทศเป็นหลักนำพาประเทศผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกา ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์
รัฐธรรมนูญ ทางทหารและศีลธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ส่งเสริมสภาพคล่องทางเศรษฐกิจเขาเน้นนโยบาย สาธารณรัฐนิยม สิทธิเท่าเทียม เสรีภาพและประชาธิปไตยของอเมริกา ฟื้นฟูความปรองดอง นับว่า อับราฮัม ลินคอล์น เป็นหนึ่งในสามประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยเดียว 

วิวาทะ เด็ดของเขา

Destroy your enemy by making him your friend.
จงทำลายศัตรูของท่านด้วยการทำให้เขาเป็นมิตร

If I had six hours to chop down a tree, I'd spend the first four hours sharpening the axe.
ถ้าข้าพเจ้ามีเวลา 6 ชั่วโมงในการตัดต้นไม้ จะเอา 4 ชั่วโมงไว้ ลับขวาน

I am a slow walker, but I never walk back.
ข้าพเจ้าเป็นคนเดินช้า แต่ไม่เคยเดินถอยหลัง

เขาแต่งงานกับ แมร์รี่ ทอดด์ ลินคอล์นมีบุตร ด้วยกัน 4 คน  โรเบิร์ต ทอดด์ ,เอ็ดวาร์ด แบ็งเกอร์ ลินคอล์น,วิลเลียม วอลเลส ลินคอล์น,โทมัส แทด ลินคอล์น 

อับราฮัม ลินคอล์น เสียชีวิตจากการลอบสังหารในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1865 หลังจากสมาพันธรัฐอเมริกายอมแพ้ในวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1865ลินคอล์นถูกลอบสังหารโดยนักแสดงและผู้ฝักใฝ่สมาพันธรัฐ จอห์น วิลค์ส บูธ ผู้นำคนที่ 16 แห่ง สหรัฐ นักประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพ เจรจาเก่งผู้นำ แห่งสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกา คนที่มักหลบซ่อนความฉลาดของตนเอาไว้ในท่าทีและการแสดงออก เขาเป็นคนฉลาดที่ทำตัวให้คนอื่นดูว่าเขาไม่ฉลาดเพื่อจะได้ประเมินเขาต่ำและทำให้เขาไม่โดดเด่นเกินไป เหมือนดั่งคมกล่าวที่ว่า " การเงียบแล้วปล่อยให้ใครๆคิดว่าเราโง่ ดีกว่าเปิดปากแล้วข้อสงสัยกระจ่าง "ที่ตัวเขาเคยพูดเอาไว้



ขอขอบคุณเนื้อหาจาก:http://personworld.exteen.com/20140927/abraham-lincoln






วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน



เทคโนโลยีสมัยนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะมันได้เข้ามา
เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เช่น โทรศัทพ์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
เพราะเข้ามาช่วยอำนายความสดวจให้กับผู้ใช้งาน

เราจึงมาดูกันว่า10อันดับเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้มีอะไรกันบ้าง

10 อันดับของใช้เทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน



 1.Computer - ขาดเธอเหมือนขาดใจ ทุกสิ่งในชีวิตขึ้นอยู่กับเธอ เพราะมันมีทุกอย่างจริงๆ





2.Flash drive -  ต้องใช้คู่กันเพราะคอมชั้นห่วยต้องพึ่งคอมชาวบ้านเขาตลอด มีจุเยอะยิ่งเก็บข้อมูลได้เยอะขึ้นมากเลย ใช้มาตั้งกะรุ่น 256MB ตอนขยับไปใช้ 2GB แล้ว แต่ก็ยังเหมือนไม่จุใจพอ อนาคตอาจจะมีถึง 16 GB ก็ได้ใครจะรู้




3.Nitendo Wii & Playstaion  - หากไม่ได้ใช้คอมรองลงมาก็สิ่งนี้แหละ...ที่เป็นความบันเทิงใจ  ใช้เล่นเน็ตได้บ้าง แต่ตอนซื้อลืมไปว่ามันใช้ภาษาไทยไม่ได้ฉะนั้นก็เข้าได้แต่เว็บภาษาอังกฤษล่ะนะ แต่ก็สู้ใช้คอมจริงๆ ไม่ได้อยู่ดี รองลงไปก็เกม DS เกมในคอมไม่ได้เล่นนานมากแล้ว เพราะใช้ทำธุระล้านแปด ไม่มีเวลามานั่งเล่นเกมในคอมหรอก...เสียเวลา


4.TV โทรทัศน์ -  หากมี wii แต่ไม่มีทีวีจะเล่นได้ไหมล่ะ? ไว้ใช้ดูหนัง+การ์ตูนด้วย ไม่ค่อยใช้ดูรายการตามปกติเท่าไหร่ ถ้าเปิดก็ไม่ลืมรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน กับแก็งค์การ์ตูนแน่


5.เครื่องเล่น DVD - คนในบ้านใช้ดูหนังกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราไว้ใช้ฟังเพลงมากที่สุด เพราะคุณเธอขยันโหลดMP3มาฟังเหลือเกิน เก็บไว้ฟังในคอมอย่างเดียวไม่พอแน่ ถ้าอยู่ใกล้ๆก็เปิดฟังตลอดแล้วก็ใช้ดูการ์ตูนใช้ยามที่รู้สึกว่าดูการ์ตูนในทีวีแล้วไม่สะใจ ส่วนหนัง..ไว้พ่อยืมคนอื่นมาถึงจะได้ดู
6. ตู้เย็น -เป็นคนกินเก่ง ที่เก็บเสบียงประจำบ้านจึงสำคัญมาก น้ำเย็นๆ ชื่นใจ กับ Pepsi Max สุดซ่าก็ขาดไม่ได้


7.Microwave - ปกติไม่ค่อยเห็นค่า แต่ตอนมันเจ๊งถึงได้รู้ว่า...ชีวิตมันช่างยากลำบากกับการจัดหาอาหารเหลือเกิน


8.พัดลม - เพราะขี้ร้อนมั้ง ปกติเป็นคนไม่ใช้แอร์จนกว่าจะหมดความอดทน เธอจึงเป็นของขาดไปแล้วจะร้อนรนมาก



9.มือถือ - อืมม์...สำหรับคนอื่นคงสำคัญ แต่เราไม่อ่ะ...ที่ใช้ชั่วคราวอยู่นี่ก็ของพ่อ ของตัวเองพอหายก็ขี้เกียจจะมีใหม่ ปกติก็ไม่ได้ใช้โทรคุยกับใครให้คุ้มกับค่าโทร.เล้ย...ยยย ตอนไม่มีก็รู้สึกจำเป็นเฉพาะเวลาเร่งด่วนเท่านั้น ปกติก็คงมีไว้ใช้ถ่ายรูปกับฟังเพลงเท่านั้นแหละ...

10.หม้อหุงข้าว - ถึงไม่มีก็ไม่น่าเป็นไร เพราะกินข้าวบ้านคนอื่นประจำ ไม่ช่าย...เพราะข้าวซื้อกินเอาได้ แต่คนในบ้านจะชอบให้หุงเอาไว้เสมอๆ พอเหลือก็ใส่ตู้เย็น ยามจะกินก็อุ่นใน'เวฟเอา